ชิปปิ้ง 10 อันดับตลาด E-Commerce ของโลก

ชิปปิ้ง 10 อันดับตลาด E-Commerce ของโลก Chinatopcargo ชิปปิ้ง ชิปปิ้ง 10 อันดับตลาด E-Commerce ของโลก k 768x402

ชิปปิ้ง เจาะตลาด E-Commerce ทั่วโลกที่น่าสนใจสำหรับผู้ประกอบการคนไทย 

ปัจจุบันการซื้อสินค้าทางออนไลน์ (E-Commerce) กลายเป็นรูปแบบการทำธุรกิจที่ได้รับความนิยม และถูกจับตามองอย่างต่อเนื่อง 

คาดว่ามูลค่าของตลาดโลจิสติกส์ในส่วนของอีคอมเมิร์ซระหว่างประเทศทั่วโลกจะเติบโตมีมูลค่า 24,100 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ในระหว่างปี 2561-2565

ชิปปิ้ง เจ้าของเกือบครึ่งหนึ่งของตลาดค้าปลีกโลก และบริการ มีการขายสินค้าบนเว็บไซต์ออนไลน์ ซึ่งเป็นตลาดที่ใหญ่ที่สุดในตอนนี้จากปี 2015 เป็นต้นมา มีการใช้จ่ายในการค้าปลีกออนไลน์มากถึง 1.74 ล้านล้านดอลลาร์ และมีการเจริญเติบโตประมาณ 20% ทั่วโลก

สำหรับประเทศไทย มีอัตราการเติบโตของธุรกิจ E-Commerce สูงขึ้นต่อเนื่องทุกปี ข้อมูลจาก Statista ระบุว่า ในปี 2017 ตลาด E-Commerce ไทย ทำเงินกว่า 2.9 พันล้านดอลลาร์ และคาดการณ์ว่า จะมีอัตราการเติบโตเฉลี่ยต่อปีที่ 14.5% ซึ่งจะส่งผลให้ตลาดมียอดขายอยู่ที่ 5.8 พันล้านเหรียญในปี 2022 และ 11.1 พันล้านเหรียญในปี 2025 ได้ โดยกลุ่มธุรกิจ E-Commerce ที่ใหญ่ที่สุดในตลาดขณะนี้ คือ กลุ่มอิเลคทรอนิคส์และสื่อ ซึ่งมีมูลค่ากว่า 1.2 พันล้านเหรียญ.

ในความเป็นจริง ผู้บริโภคใช้จ่ายงบประมาณออนไลน์ไป 36% โดยเฉลี่ย และต่อไปนี้คือ อันดับตลาด E-Commerce 10 ประเทศแรกของโลก ที่เชื่อว่าจะเป็นเป้าหมายที่น่าลงทุนและคุ้มค่าสำหรับการทำ E – Commerce ข้ามพรมแดน

1. สหรัฐอเมริกา
เป็นตลาดธุรกิจ E-Commerce ที่ใหญ่สุดในโลก เห็นได้จากการเติบโตของตลาด E-Commerce ใน Amazon ชาวอเมริกันส่วนใหญ่นิยมการซื้อสินค้าทางออนไลน์มากกว่าไปช็อปปิ้งในห้างสรรพสินค้า และคนอเมริกันเกือบทุกคนมีบัตรเดบิตหรือเครดิตในการซื้อสินค้าออนไลน์

2. จีน
เป็นตลาดอีคอมเมิร์ซที่ใหญ่ที่สุดในโลกเช่นเดียวกัน ในปี 2561 ที่ผ่านมา 24% ของผู้ซื้อออนไลน์ในจีนสั่งซื้อสินค้าจากต่างประเทศเพิ่มขึ้น 5% เมื่อเทียบกับปี 2560 ผู้บริโภคชาวจีนส่วนใหญ่เชื่อว่าการซื้อสินค้าจากต่างประเทศจะได้รับสินค้าที่มีคุณภาพดีกว่า ข้อเสนอดีกว่า มีความหลากหลายมากกว่า และสินค้าเป็นของแท้ ผู้บริโภคจีนเริ่มเปลี่ยนพฤติกรรมจากเดิมที่สนใจเรื่องราคาเป็นหลัก มาให้ความสำคัญกับเรื่องของคุณภาพ แสดงให้เห็นถึงความเป็นไปได้ที่ผู้ซื้อชาวจีนจะยอมรับค่าสินค้าและค่าบริการขนส่งชิปปิ้ง ที่มีราคาแพงกว่า ถ้าหากสินค้านั้นมีคุณภาพสูงกว่าและชื่อเสียงของแบรนด์ที่ดีกว่า

3. ญี่ปุ่น
ญี่ปุ่นเป็นหนึ่งในตลาดอีคอมเมิร์ซที่เติบโตเร็วที่สุดในโลก โดยติดอันดับที่ 4 ในการมียอดขายช้อปปิ้งออนไลน์มากที่สุดทั่วโลกหรือมีการใช้จ่ายรวมทั้งสิ้น 111 พันล้านเหรียญสหรัฐ โดยสินค้าแฮนด์เมดเป็นสินค้ายอดนิยมที่ผู้บริโภคมีความต้องการเพิ่มมากขึ้น นอกจากนี้ พฤติกรรมของผู้บริโภคชาวญี่ปุ่น มักไม่ชอบความเสี่ยง และนิยมมองหาแบรนด์ที่ตัวเองรู้จักและไว้ใจ เพราะฉะนั้น การบริการลูกค้าที่ยอดเยี่ยมเป็นสิ่งที่ลูกค้าชาวญี่ปุ่นคาดหวังว่าจะได้รับจากการสั่งซื้อสินค้าทางออนไลน์

4. อังกฤษ
อังกฤษเป็นตลาดอีคอมเมิร์ซที่ใหญ่ที่สุดแห่งหนึ่งโดยมีอัตราการเติบโต 17% ของทุกปี ผู้บริโภคชาวอังกฤษจำนวนมากต้องการผลิตภัณฑ์จากสหรัฐอเมริกาและประเทศในยุโรปอื่น ๆ หมวด E-Commerce ที่ได้รับความนิยม ได้แก่ แฟชั่นสินค้ากีฬา การเดินทาง และของใช้ในครัวเรือน

5. เยอรมัน
เยอรมนีเป็นประเทศช้อปปิ้งออนไลน์ชั้นนำในยุโรป นักวิเคราะห์ประเมินการเติบโต 12% ผ่านปี 2017 เร็วกว่าประเทศในยุโรปตะวันตกอื่น ๆ โดยหมวดหมู่ผลิตภัณฑ์ E-Commerce ที่ได้รับความยอดนิยม ได้แก่ แฟชั่น และอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์

6. ฝรั่งเศส
ยอดขาย E-Commerce ค้าปลีกของฝรั่งเศส มีจำนวนเกือบ 5 หมื่นล้านเหรียญสหรัฐในปี 2560 คนฝรั่งเศสรุ่นใหม่ มีความชำนาญทางเทคโนโลยีมาก และโดยเฉลี่ยแล้ว พวกเขาทำการซื้อสินค้าออนไลน์อย่างน้อย 1 ครั้งทุกเดือน โดยหมวดหมู่ E-Commerce ที่ได้รับความนิยม ได้แก่ แฟชั่นผลิตภัณฑ์ทางวัฒนธรรมและผลิตภัณฑ์เพื่อสุขภาพและความงาม

7. อิตาลี
ธุรกิจ E-Commerce ของอิตาลี มีเม็ดเงินอยู่ที่ 16,000 ล้านเหรียญสหรัฐในปี 2560 และเพิ่มขึ้น 7.4% ในปี 2561 โดยตลาด E-Commerce ในอิตาลี ยังคงเติบโตอย่างรวดเร็ว หมวดหมู่สินค้าที่ได้รับความนิยม ได้แก่ เสื้อผ้า เครื่องใช้ไฟฟ้าและสื่อ

8. แคนนาดา
แคนาดาเป็นอีกตลาดอีคอมเมิร์ซที่เติบโตอย่างรวดเร็ว โดยตลาด B2C ได้รับความนิยมมากขึ้น คาดการณ์กันว่าการเติบโตของ E-Commerce ค้าปลีกจะสูงถึง 29 พันล้านดอลลาร์แคนาดาภายในปี 2564 และชาวแคนาดาเป็นผู้ซื้อข้ามพรมแดน E-Commerce รายใหญ่ที่สุดอีกด้วย

9. เกาหลีใต้
เป็นตลาด E-Commerce ใหญ่เป็นเบอร์ 3 ในเอเชียแปซิฟิก โดยหมวดหมู่แฟชั่นของเล่นและงานอดิเรก/DIY ยังคงเป็นที่นิยม ซึ่งจากการสั่งซื้อสินค้าออนไลน์ระหว่างประเทศ ชาวเกาหลีใต้พบว่าหลังจากที่รวมค่าขนส่งและภาษีนำเข้าของสินค้าแล้ว สินค้ายังคงมีราคาถูกกว่าที่ซื้อจากเว็บไซต์ในประเทศ ทั้งนี้ คาดว่าใน 2-3 ปีข้างหน้า ผู้บริโภคชาวเกาหลีที่สั่งซื้อสินค้าออนไลน์จากต่างประเทศจะมีจำนวนเพิ่มมากขึ้น

10. สเปน
สเปนเป็นคู่แข่งที่แข็งแกร่งอีกรายหนึ่งในตลาด E-Commerce โดยมียอดขายออนไลน์กว่า 20,000 ล้านเหรียญสหรัฐในปี 2560 ผู้บริโภคชาวสเปนโดยเฉลี่ยแล้วใช้จ่ายออนไลน์ 724 ดอลลาร์สหรัฐและคาดว่าจะเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องในอีกไม่กี่ปีข้างหน้า ซึ่งหมวดแฟชั่น ของเล่น งานอดิเรก และ DIY ยังคงเป็นหมวด E-Commerce ที่ทำรายได้ดีที่สุดอีกด้วย

Chinatopcargo หวังว่าข้อมูลเชิงลึกเหล่านี้ จะเป็นแนวทางการทำธุรกิจ E-Commerce สำหรับผู้ที่อยากเปิดร้านค้าออนไลน์และตั้งเป้าหมายไปสู่ตลาด E-Commerce ทั่วโลก โปรดศึกษาคู่มือของเราเกี่ยวกับการจัดส่งสินค้าระหว่างประเทศ (ชิปปิ้ง ) เพื่อให้แน่ใจว่าคุณจะพบปัญหาด้านการใช้บริการชิปปิ้ง ในการขนส่งโลจิสติกส์น้อยที่สุด