นำเข้าสินค้าจากจีน แม้ในช่วงการระบาดของ Coronavirus จะทำให้ธุรกิจต่างๆ ซบเซา แต่ในส่วนของเศรษฐกิจ E-Commerce กลับมีแนวโน้มที่เติบโตสูงขึ้น
เนื่องจากคนหันมาช็อปปิ้งออนไลน์ในช่วงที่ถูกกักตัวอยู่กับบ้าน
ในช่วงเวลาดังกล่าว ธุรกิจขนส่งยังคงดำเนินต่อไป รวมทั้งธุรกิจชิปปิ้งที่ยังคงได้รับความนิยมไม่เสื่อมคลาย ทั้งผู้ประกอบการร้านค้า ตลอดจนผู้บริโภคที่ต้องการสั่งซื้อสินค้าเพื่อนำมาจำหน่ายหรือใช้เอง
ถึงแม้ว่า การนำเข้าสินค้าจากจีนในช่วงวิกฤตที่ผ่านมา จะเป็นความท้าทายที่ยิ่งใหญ่สำหรับผู้ประกอบการขายของออนไลน์ เนื่องจากสินค้าบางอย่างยังคงค้างสต็อก ในขณะที่สินค้าบางชนิดขายดีและขาดแคลน ทางออกของการแก้ปัญหาครั้งนี้ คือการควบคุมค่าใช้จ่าย และลดต้นทุนการขนส่ง
Chinatopcargo รวบรวมเคล็ดลับการลดต้นทุนการขนส่งมาฝาก เพื่อเพิ่มผลกำไรให้กับผู้ประกอบการออนไลน์โดยเฉพาะ
- ทำงานกับซัพพลายเออร์หลายราย
ไม่มีกฎตายตัวว่าธุรกิจนั้นจะต้องใช้บริการผู้จัดหาสินค้าเพียงรายเดียว เพราะในความเป็นจริงผู้ประกอบการสามารถกระจายความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้นได้ทุกเมื่อ เช่น การสั่งซื้อสินค้าจากผู้ผลิตมากกว่าหนึ่งราย โดยอาจสั่งซื้อสินค้าจาก Taobao Tmall และ 1688 และใช้บริการนำเข้าสินค้าจากจีนกับบริษัทชิปปิ้งได้มากกว่าหนึ่งรายเช่นเดียวกัน บางกรณีร้านค้าจีนอาจให้บริการจัดส่งฟรีมายังโกดังสินค้า ซึ่งจะทำให้ประหยัดค่าใช้จ่ายในการขนส่งในจีนได้อย่างมาก
- รักษาความสัมพันธ์กับซัพพลายเออร์
ธุรกิจจะประสบความสำเร็จได้นั้น ต้องเริ่มจากความสัมพันธ์ที่ดี และพัฒนาไปสู่ความสัมพันธ์ที่แข็งแกร่งระหว่างผู้ประกอบการ ซัพพลายเออร์ และลูกค้า ดังนั้นควรรักษาความสัมพันธ์ที่ดีในการทำงานระหว่างกัน เพราะความสัมพันธ์ที่ดีจะช่วยต่อรองค่าขนส่งได้ง่ายขึ้น แต่ต้องตรวจสอบให้แน่ใจว่าได้เข้าสู่การเป็นหุ้นส่วน ไม่ใช่ความสัมพันธ์ด้านธุรกรรม
- เลือกแพลตฟอร์มที่เหมาะสม
แพลตฟอร์ม E-Commerce บางอัน มอบส่วนลดค่าขนส่งให้กับลูกค้าที่สั่งซื้อสินค้าจากแพลตฟอร์มของตน โดยเฉพาะหากเป็นการขนส่งระหว่างประเทศ อาทิ เมื่อสั่งซื้อสินค้าในสหรัฐอเมริกาและแคนาดา จะได้รับค่าขนส่งราคาพิเศษจาก USPS, UPS, DHL Express และ Canada Post เป็นต้น
- ลดขนาดบรรจุภัณฑ์
โดยปกติทั่วไปแล้ว สองวิธีที่ทำให้ค่าขนส่งเพิ่มขึ้น คือขนาดและน้ำหนักของสินค้า ยิ่งแพ็คเกจมีขนาดใหญ่และน้ำหนักมากเท่าไหร่ คุณยิ่งต้องจ่ายค่าขนส่งมากขึ้นเท่านั้น ขณะเดียวกัน ยังมีตัวเลือกที่น่าสนใจสำหรับเทคนิคประหยัดค่าขนส่ง คือการลดขนาดของบรรจุภัณฑ์ลง เช่น การทำแพ็คเกจให้เล็กที่สุดเท่าที่เป็นไปได้โดยใช้กล่องที่มีขนาดพอดีกับสินค้า แต่ในขณะเดียวกับก็ยังปกป้องผลิตภัณฑ์ที่อยู่ภายในได้อย่างสมบูรณ์
เพราะผู้คนในยุคนี้ ฉลาดเลือกสินค้าและสิ่งที่ดีที่สุดให้กับตัวเอง รวมทั้งไม่มีใครปรารถนาที่จะจ่ายเงินแพงๆ ให้กับค่าขนส่ง ในทางตรงกันข้าม ผู้บริโภคส่วนใหญ่ต้องการบริการจัดส่งฟรี ถึงแม้ว่าราคาสินค้าที่สั่งซื้อจะมีมูลค่าต่ำก็ตาม (อ้างอิงข้อมูลจาก National Retail Foundation : NRF) ทำไมจัดส่งฟรีจึงมีอิทธิพลกับผู้บริโภค สามารถอ่านได้ที่ ‘ส่งฟรี! กับจิตวิทยาทางการตลาด’