สั่งของจากจีนกับเทรนด์ที่น่าสนใจบน Social Media
เครื่องมือทางการตลาดในปัจจุบันไม่ได้ยึดอยู่กับผลิตภัณฑ์ ราคา โปรโมชั่น และสถานที่อีกต่อไป เพราะรูปแบบการใช้ชีวิตและการเสพสื่อได้เปลี่ยนแปลงไปตามเทคโนโลยีที่เข้ามา ซึ่งในปัจจุบันเราจะคุ้นเคยกันดีในโลกที่เรียกว่าดิจิทัล ทำให้เหล่านักการตลาดต้องปรับเปลี่ยนการสื่อสารทางการตลาดตามไปด้วย
จากรูปแบบของการเสพสื่อและเข้าถึงสื่อที่เปลี่ยนไป ทำให้นักการตลาดหลายคนต้องเปลี่ยนวิธีการทำการตลาดแบบเดิม ๆ ไป เพื่อปรับและให้เข้าใจกับพฤติกรรมของผู้บริโภคมากยิ่งขึ้น ที่เรียกว่าการทำ Digital Marketing และเครื่องมือทางการตลาดที่เป็นส่วนสำคัญคือ การทำ Content Marketing โดยในปีที่ผ่านมาเราจะเห็นความเปลี่ยนแปลงและเทรนด์ที่เปลี่ยนอยู่เสมอบนหน้าสังคมออนไลน์ และเทรนด์ต่าง ๆ อาจจะมีผลยาวไปจนถึงปีหน้าเลยทีเดียว ดังนั้นนักการตลาดหรือเหล่าพ่อค้าแม่ค้าออนไลน์ที่สั่งของจากจีน (เข้ามาดูสินค้าได้ที่นี่) หรือนำเข้าสินค้าจากต่างประเทศ จะต้องเตรียมตัวรับมือกับการเปลี่ยนแปลงเหล่านี้ไว้อยู่เสมอ เมื่อในเวลาต้องทำการตลาดให้กับลูกค้าหรือร้านค้าของเราเองแล้วนั้น จะสามารถสร้างคอนเทนต์ให้ตอบโจทย์กับการเปลี่ยนแปลงเหล่านี้
การทำ Content Marketing ช่วยให้เกิดการปฏิสัมพันธ์ (Engagement) ระหว่างแบรนด์และลูกค้าหรือกลุ่มเป้าหายได้ดีกว่าการทำการตลาดแบบเดิม ๆ และงบประมาณของการทำการตลาดยังน้อยกว่าการทำตลาดแบบอื่น ๆ อย่างมาก ให้ผลที่มีความยั่งยืนและให้คุณค่ากับผู้บริโภคอย่างมาก เห็นได้ว่าผู้คนจำนวนมากนั้นไม่สนใจโฆษณาหรือสนใจน้อยลง ทำให้การทำคอนเทนต์มาร์เก็ตติ้ง สามารถดึงผู้บริโภคเข้ามาหาได้นั่นเอง แต่การทำคอนเทนต์ก็ไม่สามารถทำหรือยึดตามรูปแบบเดิม ๆ ได้ตลอดไป เพราะเทคโนโลยีที่เปลี่ยนไป สังคมเปลี่ยนไป และสิ่งต่าง ๆ ที่เปลี่ยนแปลงไปอยู่เสมอ ทำให้เทรนด์ของคอนเทนต์ก็เปลี่ยนแปลงไปเช่นกัน ซึ่งเหล่าธุรกิจหรืแบรนด์ต่าง ๆ ที่ใช้เครื่องมือบนโลกออนไลน์อย่างการขายของ การสั่งของจากจีนมาขายในเว็บไซต์หรือเฟซบุ๊ก ต้องให้ความสำคัญและปรับตัวไปกับสิ่งที่เปลี่ยนแปลง วันนี้ chinatopcargo จะพาไปรู้จักกับเทรนด์ของคอนเทนต์ที่น่าสนใจบน Social Media กัน
1. Content ที่ User Friendly เพิ่มมากขึ้น
การเพิ่มของจำนวนผู้ใช้ออนไลน์มีแนวโน้มที่จะเพิ่มมากขึ้น พร้อม ๆ กับการแพร่กระจายของอินเทอร์เน็ตที่สามารถกระจายและเข้าถึงทุกคนได้มากขึ้น ทำให้ทุกคนสามารถเป็นผู้สร้างหรือผลิตคอนเทนต์ได้เช่นกัน ดังนั้นทำให้เกิดคอนเทนต์ต่าง ๆ มากมายอยู่เต็มไปหมดบนสังคมออนไลน์ ดังนั้นการที่แบรนด์หรือร้านค้าจะสามารถจับผู้ริโภคได้ในยุคที่ใคร ๆ ก็สามารผลิตคอนเทนต์ออกมาได้ ก็คือการทำคอนเทนต์ที่มีความ User Friendly เพิ่มมากขึ้น ข้อดีของการทำแบบนี้คือ สามารถเข้ากับ Google Search Algorithm ใหม่ได้ด้วย ที่จะจับเนื้อหาที่มีความสัมพันธ์ตรงกับที่ผู้ใช้ต้องการ เช่น คอนเทนต์ของคุณเกี่ยวกับการนำเข้าหรือสั่งของจากจีนก็จะจับคู่กับกลุ่มเป้าหมายที่สนใจในการสั่งของจากจีน ดังนั้นการทำเนื้อหาที่สร้างขึ้นมาให้ตรงหรือมีความเกี่ยวข้องกับกลุ่มเป้าหมายสูงก็จะช่วยให้การสื่อสารแบบ Content Marketing ได้ประโยชน์สูงสุดอีกด้วย
2. Micro Influencer
การเปลี่ยนแปลงของกลุ่ม Influencer ทำให้หลาย ๆ แบรนด์หรือร้านค้าต่าง ๆ หันมาให้ความสำคัญหรือสนใจกับกลุ่ม Micro Influencer ที่ทำให้เกิดการปฏิสัมพันธ์ที่ดีกว่ากลุ่ม Influencer ทั่ว ๆ ไป เพราะตัวเลขของผู้ติดตามที่มีตัวตนและมีการปฏิสัมพันธ์สูง ทำให้แบรนด์หรือร้านค้าได้รับประโยชน์ไปด้วยจากการเข้าถึงระหว่างกลุ่มผู้ติดตามกับ Influencer มากกว่ากลุ่มทั่ว ๆ ไปนั่นเอง
3. Personalised
การทำการตลาดแบบ Mass Marketing นั้นไม่สามารถได้ผลอีกต่อไป แต่การตลาดที่มาแทนคือการทำการตลาดแบบ Personalised ดังนั้นการสร้างหรือทำคอนเทนต์ ก็ต้องมีความเฉพาะตัวหรือตามความต้องการของกลุ่มคน ทำให้เนื้อหามีความเกี่ยวข้องหรือเฉพาะที่สูงกว่าการทำคอนเทนต์ที่ให้ทุกคนอ่าน และยิ่งในยุคปัจจุบันมีเครื่องมือมากมายในออนไลน์ที่สามารถจำกัดสิทธิ์การอ่านและการเข้าถึงของคอนเทนต์หรือเลือกเฉพาะกลุ่มเป้าหมายที่สนใจได้
4. Social Media กลาเป็นแหล่งข่าว
Social Media ไม่ได้เป็นเพียงแค่สื่อที่คอยอัพเดตความเคลื่อนไหวของเราเพียงอย่างเดียว เทรนด์นี้เริ่มเห็นได้ชัดจากการเกิดเหตุการณ์หลาย ๆ อย่างในในประเทศและต่างประเทศ ที่ Social Media ได้กลายเป็นแหล่งข่าวให้คนมาอ่านหรือติดตามข่าวสารต่าง ๆ มากกว่าสื่อกระแสหลักหรือสื่อแบบเดิม หรือแม้แต่สื่อหลักก็เอาข่าวบนโซเชียลมีเดียไปทำข่าว หรือเอาไปทำข่าวต่อเนื่องหรือเพิ่มเติมจากเดิมอีกด้วย
5. Super Niche Content
การทำคอนเทนต์ที่มีความเฉพาะตัวสูง เพื่อหลีกเลี่ยงการทำเนื้อหาที่ทุกคนทำคล้าย ๆ กันออกมา การทำคอนเทนต์ที่เฉพาะตัวออกมาทำให้สามารถจับกลุ่มวัฒนธรรมเฉพาะที่จะกระจายกันได้อย่างมาก และช่วยสร้างปรากฎการณ์ที่เรียกว่าไวรัลได้เป็นอย่าวดีอีกด้วย วิธีการคือการเข้าไปหาหัวข้อที่กลุ่มเป้าหมายของแบรนด์หรือร้านค้าของคุณกำลังสนใจหรือกลุ่มเป้าหมายของคุณอยู่ในวัฒนธรรมแบบไหนก็สร้างสรรค์หรือผลิตคอนเทนต์ออกมา
6. Content ทำแล้วหาย
โซเชียลมีเดียอย่าง Facebook และ Instagram ออกฟีเจอร์ในการทำคอนเทนต์ออกมาแล้วหายไป ทำให้เราได้เห็นคอนเทนต์อยู่ระยะหนึ่งแล้วจะหายไปใน 24 ชั่วโมง ทำให้มีคนติดตามหรือปฏิสัมพันธ์กับแบรนด์หรือร้านค้ามากขึ้นเพราะกลัวที่จะเกิดอาการ FOMO หรือ Fear of Missing Out การทำแบบนี้จะทำให้แบรนด์หรือเหล่าร้านค้าต่าง ๆ สามารถสร้างปรากฏการณ์ในการทำแคมเปญออกมาให้คนมาติดตามได้ตลอดเวลานั่นเอง
7. No more Stock Photo
ร้านค้าและแบรนด์ต่าง ๆ นั้นหันมาใช้เครื่องมือการตลาดที่เรียกว่า Content Marketing และต้องทำภาพเพื่อประกอบคอนเทนต์ต่าง ๆ สิ่งที่เกิดขึ้นและตามมาคือการเริ่มใช้ Stockphoto หรือภาพซ้ำนั่นเอง ทำให้ภาพหรือเนื้อหาของคอนเทนต์ดูน่าเบื่อ อีกทั้งพฤติกรรมของผู้บริโภคที่เปลี่ยนไป และอยากได้อะไรที่เข้าถึงได้ มีความจริงเพิ่มมากขึ้น ทำให้การใช้ภาพจริงประกอบโซเชียลมีเดียนั้นจะกลายมามีความสำคัญแทนการใช้ Photostock อย่างมากต่อไป
เครื่องมือทางการตลาดอย่าง Content Marketing เป็นสิ่งที่หลาย ๆ แบรนด์ หลาย ๆ ร้านค้าหันมาให้ความสนใจในการทำการตลาดมากขึ้น ไม่ว่าคุณจะทำธุรกิจอะไร หรือขายอะไร เช่น ขายเสื้อผ้า สั่งของจากจีนหรือนำเขาสินค้าจีนสำหรับธุรกิจของคุณ การสื่อสารทางการตลาดอย่างการทำสร้างสรรค์คอนเทนต์สามารถช่วยสร้างการรับรู้และการมีปฏิสัมพันธ์ระหว่างลูกค้ากับแบรนด์หรือร้านค้านั่นเอง รวมถึงเทรนด์ต่าง ๆ ที่เปลี่ยนแปลงอยู่เสมอทำให้เหล่านักการตลาดหรือเหล่าพ่อค้าแม่ค้าต่าง ๆ ต้องศึกษาหรือปรับตัวให้ทันตามเทรนด์อยู่เสมอ เพื่อให้ร้านค้าหรือแบรนด์ของคุณสามารถเข้าไปอยู่ในใจของผู้บริโภคได้ใครที่กำลังสนใจในการนำเข้าสินค้าจากจีน สามารถเข้ามาอ่านรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่นี่