Chinatopcargo มีคำแนะนำมาฝากสำหรับผู้ประกอบการป้ายแดงที่อยากจะประสบความสำเร็จในธุรกิจออนไลน์ มีอะไรบ้าง มาดูกันเลย

1.เลือกสินค้าที่คุณสนใจและเป็นสินค้าที่ต้องการในตลาด (Demand Forecasting)
หากเป็นสินค้าที่คุณสนใจ คุณจะสามารถให้ข้อมูลกับลูกค้าได้เป็นอย่างดีและชัดเจน ในขณะเดียวกัน สินค้าที่คุณเลือกนั้นต้องเป็นสินค้าที่เป็นที่ต้องการของตลาดในระยะยาว คำแนะนำคือสินค้าที่เลือกมาจำหน่าย อาจจะมีมากกว่าหนึ่งประเภท เพื่อกระจายความเสี่ยง หากในอนาคตสินค้าที่จำหน่ายไม่เป็นที่ต้องการของตลาดอีกต่อไป

ผู้ประกอบการบางราย หรือพ่อค้าแม่ค้าที่ประสบปัญหาขายของไม่ได้ ไม่มีลูกค้า หรือมีลูกค้าเข้ามาชมสินค้าแต่ก็ไม่ได้ตัดสินใจซื้อสินค้า นั่นอาจเป็นเพราะว่าสินค้าที่ขายนั้นอาจเป็นที่สนใจของคุณ แต่ไม่เป็นที่ต้องการของตลาด และลูกค้า หรือสินค้าไม่มีความแตกต่างจากร้านอื่นๆ
ซึ่งผู้ประกอบการขายสินค้าออนไลน์มือใหม่ ส่วนมากอยากหาสินค้ามาขาย แต่ไม่ทราบแหล่งรับสินค้าราคาส่ง หรือรู้จักจากปากต่อปากมา แล้วก็รับสินค้ามาจากแหล่งเดียวกัน สินค้าคล้ายๆกัน คำแนะนำเพิ่มเติมคือคุณอาจจะเลือกสินค้าที่มีเอกลักษณ์เฉพาะ ไม่ซ้ำ ที่ผู้ประกอบการออนไลน์ไม่ได้บอกคุณ! เข่น การนำเข้าสินค้าจากจีน ที่ไม่ต้องบินไกลถึงเมืองจีน 5 ข้อดีของการนำเข้าสินค้าจากจีน

2. เงินทุน (Funding)
ในการลงทุนธุรกิจขายสินค้าออนไลน์ไม่ใช่เพียงแค่เงินทุนในการนำเข้าสินค้ามาจำหน่าย แต่ต้องคำนึงและวางแผนค่าใช้จ่ายทุกขั้นตอนที่คุณต้องจ่าย เช่น ค่าบริการขนส่งสินค้า ค่าใช้จ่ายในการผ่านด่านศุลกากร ค่าอากร รวมไปถึงค่าใช้จ่ายจัดส่งสินค้าให้กับลูกค้า ค่าโฆษณา ฯลฯ ซึ่งจะต้องมีการบริหารจัดการเงินให้ดี (Money Management)

3.ศึกษาเว็บไซต์ให้ดีก่อนเลือกนำเข้าสินค้า ( Checked websites / Shipping)

เป็นที่ทราบกันดีว่าการสั่งซื้อสินค้าจากจีนนั้น มีหลากหลายเว็บไซต์ให้เลือกสรร แต่ปัญหาส่วนใหญ่ที่พบบ่อยๆ คือค่าใช้จ่ายในการนำเข้าที่แพงหูฉี่ และข้อจำกัดในการสั่งซื้อสินค้า อาทิ สินค้าจำหน่ายในราคานี้ แต่มีเงื่อนไขว่าต้องซื้อ 5,xxxx ชิ้นไปถึงจะได้สินค้าราคาถูก หากสินค้านั้นมีน้ำหนักมาก สิ่งที่ตามมาคือเรื่องของค่าใช้จ่ายในขนส่งที่แพงกว่าสินค้าเสียอีก ซึ่งอาจจะทำให้ผู้ประกอบการบางรายรู้สึกไม่คุ้มทุน อย่างไรก็ดี ในการเลือกใช้บริการเว็บสั่งซื้อสินค้า โดยเฉพาะผู้ประกอบการป้ายแดงควรศึกษาทำความเข้าใจอย่างละเอียดให้ถีถ้วน ก่อนตัดสินใจใช้บริการ เพื่อความสะดวกและราบรื่น

4.ตั้งชื่อร้าน (Domain Name)

ในการตั้งชื่อร้านหรือการใช้โดเมนเว็บไซต์ (Domain Name) ควรใช้ชื่อที่อ่านง่าย ออกเสียงง่าย จดจำได้ง่าย และค้นหาได้ง่าย ควรเช็คให้แน่ใจว่าชื่อร้านของคุณจะไม่ซ้ำกับชื่อร้านอื่นๆ การใช้ตัวอักษร หรือคำทับศัพท์มากเกินไปก็ไม่ใช่เรื่องดี เพราะทำให้ลูกค้าลืมชื่อร้านได้ง่าย คำแนะนำ คือ ควรใช้ชื่อร้านค้ากึ่งทางการ ช่วยสร้างความน่าเชื่อถือ อย่างไรก็ตาม เทคนิคในการตั้งชื่อร้าน อาจจะต้องอาศัยเรื่องของจิตวิทยาในการตั้งชื่อให้ดึงดูด และลูกค้าจดจำ เพราะเป็นที่ทราบกันดีว่า อะไรที่มันธรรมดาเกินไป มักไม่ดึงดูดความสนใจ

5.ช่องการการขาย (Sales Channels)
คำถามต่อมาคือ ช่องทางไหนที่เหมาะสมกับธุรกิจ facebook Instagram Line ? คำแนะนำคือคุณต้องศึกษาตลาด ศึกษาพฤติกรรมลูกค้าเป้าหมาย และกำหนด Target อย่างไรก็ตาม การติดตามลูกค้ากลับ (Follow up customers) ก็เป็นสิ่งสำคัญ แสดงถึงความสนใจ ให้เกียรติ และอยากรู้จัก อีกทั้งยังเป็นการสร้าง Brand Awereness ให้กับแบรนด์ได้อย่างดีเยี่ยม เพราะการรับรู้แบรนด์จะเป็นสิ่งหนึ่งที่โน้มน้าวใจลูกค้าจนนำมาสู่การตัดสินใจซื้อในที่สุด

6. สินค้าต้องมีจุดยืน (Brand Positioning)

Brand positioning คือการกำหนดลักษณะพิเศษหรือจุดเด่นของสินค้าให้ชัดเจน ว่าจะไปในทิศทางไหน เพื่อให้สินค้าของคุณเข้าถึงลูกค้ากลุ่มเป้าหมายได้อย่างตรงจุด กลุ่มลูกค้าเป้าหมายคือใคร? และจะได้รับประโยชน์อย่างไรจากสินค้าของคุณ

7.วางแผนการตลาดให้ดี (Marketing Plan)

คำถามคือจะทำอย่างไรให้ร้านค้าที่เปิดใหม่เอาชนะร้านอื่นที่เปิดมาก่อนคุณได้ นอกจากการสร้างจุดเด่นของสินค้า การวางแผนการตลาดก็ต้องอาศัยการ Reserch พฤติกรรมของลูกค้า มีปัจจัยอะไรบ้างที่ทำให้ลูกค้าตัดสินใจซื้อ และการเลือกแพลตฟอร์ม Social Media ให้ตรงกลุ่มเป้าหมายก็เป็นเรื่องสำคัญมาก หากคุณกำหนดกลุ่มเป้าหมายผิดทาง ทุกอย่างที่ทำมาก็สูญเปล่า คำแนะนำคือ ควรศึกษาข้อมูลต่างๆ ของประชากรเป้าหมายบนแพลตฟอร์ม เช่น เพศ ช่วงอายุ ที่อยู่อาศัย อาชีพ ที่สำคัญคือ ความสนใจของกลุ่มเป้าหมาย เป็นต้น