ชิปปิ้ง นับว่าจีนถือเป็นประเทศแรกที่ได้รับผลกระทบจากการระบาดใหญ่ของ Coronavirus ซึ่งการระบาดครั้งนี้ ส่งผลให้เศรษฐกิจของจีนชะลอตัวลงอย่างมาก
โดย GDP (Gross Domestic Product : ผลิตภัณฑ์มวลรวมของประเทศ) ไตรมาสแรกของจีนในปี 2020 ลดลง 6.8% เมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันในปี 2019 ขณะเดียวกันรายได้ต่อหัวของประชากรลดลง 3.9% ซึ่งถือเป็นปรากฏการณ์เศรษฐกิจหดตัวครั้งแรกของจีนเลยก็ว่าได้
Chinatopcargo ผู้ให้บริการนำเข้าสินค้าจากจีนหรือชิปปิ้ง มีข้อมูลว่ารัฐบาลจีนได้เร่งมือวางแผนกระตุ้นเศรษฐกิจเพื่อเร่งการพัฒนาและฟื้นฟู ‘โครงสร้างพื้นฐานใหม่’ ให้กลับมาสดใสอีกครั้ง โดยโครงสร้างพื้นฐานใหม่ของจีน ประกอบด้วย 7 เรื่องหลักที่รัฐบาลให้ความสำคัญและเร่งพัฒนา ได้แก่ เครือข่าย 5G, อุตสาหกรรมอินเตอร์เน็ต, ระบบรางรถไฟข้ามเมืองและในเมือง, ศูนย์กลางการให้ข้อมูลข่าวสาร, AI, การส่งผ่านสายไฟฟ้าแรงสูง (UHV) และสถานีชาร์จพลังงานไฟฟ้าสำหรับยานพาหนะ
จริงๆ แล้ว แนวคิดดังกล่าวเกิดขึ้นตั้งแต่การประชุม China’s Central Economic Work Conference ในปี 2018 แต่กลายเป็นประเด็นร้อนแรงสำหรับการกระตุ้นเศรษฐกิจในปี 2020 ซึ่งจีนมุ่งเน้นเรื่องนวัตกรรมด้านเทคโนโลยีและเครือข่ายข้อมูล เพื่อรองรับการเติบโตของโครงสร้างพื้นฐานที่มีคุณภาพ
อย่างไรก็ตาม อีก 25 จังหวัดของจีน ได้ประกาศแนวทางการลงทุนมูลค่ารวม 7 ล้านล้านเหรียญสหรัฐฯ (49.6 ล้านล้านหยวน) เพื่อสนับสนุนโครงสร้างพื้นฐานใหม่ดังกล่าว และมุ่งหวังให้จีนบรรลุการเติบโตอย่างยั่งยืนควบคู่มีคุณภาพ โดยต่อไปนี้คือการลงทุน 4 เรื่องแรก ที่คาดว่าจะรีบดำเนินการอย่างเร่งด่วนเพื่อพลิกฟื้นเศรษฐกิจของจีนจาก COVID-19 ไปสู่อนาคตที่รุ่งโรจน์
- สร้างสถานีชาร์จรถยนต์ไฟฟ้า EV (Electric Vehicle)
ประเทศจีนมีอุตสาหกรรมรถยนต์ไฟฟ้า ซึ่งสามารถดึงดูดเงินทุนได้ถึง 282 พันล้านเหรียญสหรัฐฯ (2 ล้านล้านหยวน) ในฐานะที่เป็นตลาดรถยนต์ไฟฟ้าที่ใหญ่ที่สุดในโลกและมีเครือข่ายการชาร์จสาธารณะที่ใหญ่ที่สุดในโลกด้วยเช่นกัน ปัจจุบันจีนมีเครื่องชาร์จสาธารณะจำนวน 560,000 เครื่อง สามารถหลีกเลี่ยงการปล่อย CO2 ได้ 230 ล้านตัน น้อยกว่าการปล่อย CO2 ประจำปีของฝรั่งเศสเพียงเล็กน้อย (293 ล้านตัน)
ดังนั้นมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ อาจมีบทบาทสำคัญที่ช่วยให้ประเทศจีนบรรลุเป้าหมาย EV ได้สูง รวมถึงการลงทุนเพิ่มเพื่อขยายโครงสร้างพื้นฐานการชาร์จ EV และปรับทิศทางการอุดหนุนระดับชาติ ช่วยกระตุ้นยอดขายรถยนต์ EV ด้วยในตัว
- เร่งลงทุนด้านพลังงานทดแทนและเทคโนโลยีที่ทันสมัย
พลังงานทดแทนได้กลายเป็นเสาหลักของการเติบโตทางเศรษฐกิจ และการลงทุนพลังงานสะอาดได้กลายเป็นปัจจัยสำคัญในการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจ แผงโซล่าร์เซลล์ที่ผลิตในจีนถูกกว่าแผงโซล่าร์เซลล์ในสหรัฐฯ 20% ทำให้จีนผลิตพลังงานแสงอาทิตย์ได้มากกว่าสหรัฐฯ 9 เท่า การลงทุนเกี่ยวกับนวัตกรรมเทคโนโลยีล้ำสมัยในภาคพลังงาน จะช่วยให้ผู้ผลิตจีนตระหนักถึงความสำคัญของการใช้พลังงานสะอาด นอกจากนี้ยังช่วยลดการปล่อยมลพิษและหลีกเลี่ยงความเสี่ยงด้านสุขภาพอื่นๆ เช่น มลพิษทางอากาศ
- เมืองอัจฉริยะที่ขับเคลื่อนด้วย 5G
จากสถานการณ์การระบาดของ COVID-19 ทำให้ผู้คนทั่วโลกต้องอยู่บ้านนานกว่า 2 เดือน ทำให้ปริมาณการใช้อินเตอร์เน็ตเพิ่มสูงขึ้นเพื่อทำงานทางไกล, การประชุมเสมือน, การศึกษาทางออนไลน์ ,ช็อปปิ้งออนไลน์ และการสตรีมภาพยนต์และทีวี ผู้ให้บริการโทรคมนาคมชั้นนำในจีนได้ประกาศสร้างสถานีฐาน 250,000 (5G) ทั่วประเทศให้เสร็จสิ้นในไตรมาสที่สาม ซึ่งเร็วกว่าแผนที่วางไว้ก่อนหน้านี้
แผนกระตุ้นเทคโนโลยี 5G ยังมีส่วนช่วยส่งเสริมเทคโนโลยีใหม่อื่นๆ ตามมา เช่น ข้อมูลขนาดใหญ่, ปัญญาประดิษฐ์ (AI) และการประมวลผลแบบคลาวด์ เพื่อเร่งการพัฒนาเศรษฐกิจดิจิทัล และทำให้ ‘เมืองอัจฉริยะ’ กลายเป็นจริง ซึ่งเทคโนโลยีเหล่านี้ สามารถช่วยลดเวลาในการเดินทางและปรับปรุงความปลอดภัยสาธารณะ โดยเฉพาะอุตสาหกรรมขนส่งหรือบริการชิปปิ้ง
- พัฒนาให้เป็นเมืองสุขภาพดี
การระบาดใหญ่ Coronavirus ที่เกิดขึ้น ได้ตอกย้ำความสำคัญของการสร้างประเทศจีนให้มีสุขภาพดี นอกจากการสร้างทรัพยากรทางการแพทย์และส่งเสริมสุขภาพมากขึ้นแล้ว จีนยังได้จัดทำแผนปฏิบัติการสุขภาพแห่งชาติจีน ปี 2030 และแผนปฏิบัติการที่สอดคล้องกัน โดยให้ความสำคัญกับการพัฒนาสุขภาพเป็นอันดับ 1 ทั้งยังตั้งเป้าลดมลพิษทางอากาศ น้ำ และดิน โดยใช้มาตรฐานการปล่อยพิษที่เข้มงวดสำหรับอุตสาหกรรม อย่างอุตสาหกรรมเดินเรือ ผู้ประกอบการชิปปิ้งควรรักษามาตรฐาน IMO2020 เพื่อลดมลพิษทางอากาศและน้ำ แผนดังกล่าวแสดงให้เห็นถึงการป้องกันดีกว่าการรักษาสุขภาพ อีกทั้งควรจัดลำดับความสำคัญของการลงทุนเพื่อให้เป็นไปตามเป้าหมาย Healthy China ปี 2030