ชิปปิ้ง และแทบทุกธุรกิจที่ต้องตัดสินใจเลือกว่าสถานที่ใดเหมาะสำหรับทำธุรกิจหรือเปิดบริษัทนั้น จำเป็นต้องพิจารณาความสำคัญหลายๆ ด้านเพื่อที่จะสามารถลงทุนและสร้างธุรกิจให้เติบโตได้
โดยจะต้องเปรียบเทียบทั้งในด้านการดำเนินงานและต้นทุนมนุษย์ ซึ่งการลงทุนทำธุรกิจในแต่ละประเทศนั้นย่อมมีปัจจัยที่แตกต่างกันหลายด้าน รวมทั้งความเหมาะสมและข้อจำกัดของแต่ละประเทศ ที่นักลงทุนและเจ้าของบริษัทจะต้องคำนึงถึง
นอกจากนี้รัฐบาลของแต่ละประเทศ ต้องวิเคราะห์ต้นทุนและผลประโยชน์ทางสังคม (Cost Benefits Analysis) ความมีประสิทธิภาพในการกำหนดอัตราภาษีและนโยบายของประเทศ ซึ่งประเทศที่ถือว่าเหมาะกับการทำธุรกิจมากที่สุดนั้น จึงถือว่าเป็นประเทศที่มีความมั่นคงและความสมดุลด้านการใช้จ่าย
การจัดอันดับประเทศที่ดีที่สุดในแต่ละด้านนั้น เกิดขึ้นโดย BAV Group หน่วยงานหนึ่งของบริษัทด้านการสื่อสารการตลาดระดับโลกอย่าง VMLY & R ร่วมกับโรงเรียน Wharton ของมหาวิทยาลัยเพนซิลวาเนีย อ้างอิงจากการสำรวจกว่า 20,000 คนจาก 4 ภูมิภาค เพื่อหาความเชื่อมโยงกับลักษณะเด่นของ 80 ประเทศ การจัดอันดับประเทศที่เหมาะสำหรับการทำธุรกิจนี้ ได้จากการคำนวนค่าเฉลี่ยถ่วงน้ำหนักที่เท่ากัน โดยเกณฑ์การให้คะแนนแบ่งออกเป็น 5 ด้าน ได้แก่
- ระบบราชการ
- ต้นทุนการผลิตที่ต่ำ
- การเสียภาษีที่เหมาะสม
- การทุจริต
- การปฏิบัติงานที่โปร่งใสของรัฐบาล
โดยต่อไปนี้คือผลการจัดอันดับประเทศที่ดีที่สุดในการน่าลงทุนทำธุรกิจ
อันดับ 1 ต้องยกให้กับลักเซมเบิร์ก ประเทศเล็กๆ ที่มีค่า GDP ต่อหัวสูงที่สุดในโลก ทั้งนี้ ลักเซมเบิรก์ได้ครองอันดับ 1 ของประเทศที่เหมาะกับการทำธุรกิจมาแล้วถึง 2 ปีซ้อน และก่อนหน้านี้ในปี 2016 ประเทศเล็กๆ ในยุโรปตะวันตกนี้ ถูกมองว่าเป็นประเทศอันดับ 2 ในการเก็บภาษีที่เอื้ออำนวยต่อการทำธุรกิจและเป็นหนึ่งในประเทศอันดับต้นๆ ด้านความโปร่งใสในการปฏิบัติงานของรัฐบาลและมีการทุจริตต่ำ อีกทั้งเป็นประเทศที่ได้คะแนนรวมเป็นอันดับ 1 ของธนาคารโลกที่อนุญาตให้ทำการค้าข้ามพรมแดนและมีความสำคัญต่อการติดต่อขอใบอนุญาตก่อสร้าง แม้ว่าต้นทุนด้านการผลิตจะต่ำ แต่ก็มีการเก็บภาษีที่สูงถึง 8.4 ตามมาด้วยการปฏิบัติงานที่โปร่งใสข่องรัฐ 6.2 คะแนน ระบบราชการ 1.3 และการทุจริตต่ำมาก จึงได้คะแนนรวมสูงสุดในการจัดอันดับครั้งนี้
สวิตเซอร์แลนด์และปานามาติดอันดับ 2 และอันดับ 3 ตามลำดับอีกครั้งจากปี 2018 ปานามายังเป็นประเทศอันดับท้ายๆ ด้านความโปร่งใสในการปฏิบัติงานของรัฐบาลและมีคะแนนการทุจริตอยู่ที่ 5.9 คะแนน ส่วนอีกหลายประเทศในยุโรปตะวันตกยังติดอันดับต้นๆ ของการจัดอันดับนี้ โดยสวีเดนและเดนมาร์กได้ลำดับที่ 4 และ 5 ตามลำดับ ส่วนสิงคโปร์ติดอันดับที่ 6 ไต่อันดับเพิ่มขึ้นมาถึง 7 อันดับเลยทีเดียว
ไล่ลงมาเป็นแคนาดา นอร์เวย์ ฟินแลนด์ ล้วนเป็นประเทศที่มีการทุจริตต่ำหรือ 0 คะแนน นั่นแสดงถึงการปฏิบัติงานที่โปร่งใสของรัฐบาล ส่วนไทยติดอันดับที่ 10 ได้คะแนนถึง 9.8 ด้านต้นทุนการผลิตต่ำ การเก็บภาษีอยู่ที่ 2.8 คะแนน มีการทุจริต 2.3 คะแนน ระบบราชการ 0.9 และการปฏิบัติงานที่โปร่งใสของรัฐบาลได้คะแนน 0.1
อย่างไรก็ตาม ประเทศที่เหมาะสำหรับการธุรกิจที่มาแรงในการจัดอันดับนี้ ในด้านความโปร่งใสระดับนานาชาติ คือ เดนมาร์ก เป็นประเทศที่มีการทุจริตคอรัปชั่นน้อยที่สุดอันดับ 2 ของโลกและถูกจัดอันดับเป็นที่ 12 ของประเทศที่มีการทุจริตน้อยที่สุดในรายงานประเทศที่ดีที่สุดปี 2019 ของ U.S News อีกด้วย อย่างไรก็ตาม เดนมาร์กเป็นประเทศที่มีการจ่ายภาษีในอัตราสูง แต่ก็เป็นการจ่ายเพื่อคุณภาพชีวิตที่ดีของพวกเขา
การทุจริตและระบบราชการในรัสเซียและในอิหร่านที่มีการทุจริตค่อนข้างสูงถึง 9.9 คะแนน การปฏิบัติงานที่โปร่งใสของรัฐบาลนั้นต่ำ 0.3 คะแนน จึงทำให้ดูเหมือนว่าเป็นประเทศที่มีความเสี่ยงในการทำธุรกิจ จึงติดอันดับรั้งท้ายพร้อมกับอิรัก ซาอุดิอาระเบีย ตุรกีและเบลารุส
อย่างไรก็ดี เกณฑ์ที่ใช้ในการจัดอันดับนี้เป็นทั้งปัจจัยภายในและปัจจัยภายนอก อีกทั้งยังสะท้อนให้เห็นถึงประสิทธิภาพในการบริหารจัดการของแต่ละประเทศที่ส่งผลต่อความน่าเชื่อถือในการลงทุนและทำธุรกิจในประเทศนั้น ๆ ซึ่งในประเทศไทย แม้ว่าจะมีต้นทุนการผลิตที่ต่ำ แต่ก็ยังมีการทุจริตอยู่ค่อนข้างมาก ทั้งนี้ ไทยยังถือว่าเป็นประเทศที่อยู่ในอันดับต้นๆ ที่เหมาะกับการทำธุรกิจและมีแนวโน้มที่จะเติบโตได้ดีในอนาคต โดยเฉพาะธุรกิจชิปปิ้งและ E-Commerce ที่ในประเทศไทยมีอัตราการเติบโตขึ้นต่อเนื่องทุกปี สามารถศึกษากลุ่มเป้าหมายเพิ่มเติมได้ที่ 10 อันดับตลาด E-Commerce ของโลก นอกจากนี้สามารถอ่านธุรกิจแพลตฟอร์ม E-Commerce มาแรงเพิ่มเติมที่ 5 ธุรกิจออนไลน์ เริ่มทำได้เลย ไม่ต้องลงทุน นอกจากนี้ในไทยยังมีบริษัทที่ให้บริการชิปปิ้งและขนส่งระหว่างประเทศและภายในประเทศ ที่มีมาตรฐานและน่าเชื่อถือ การชิปปิ้งสินค้าเข้ามาขายผ่านช่องทางออนไลน์จึงได้รับความนิยมและเติบโตอย่างก้าวกระโดดในปัจจุบัน
ที่มา: U.S.News