ชิปปิ้งจีน เมื่อกล่าวถึงการขนส่งด้วยระบบตู้คอนเทนเนอร์นั้น นับว่าเป็นพัฒนาการอีกขั้นของการขนส่งสมัยใหม่
เป็นการบรรจุสินค้าลงในตู้หรือกล่องเหล็กขนาดใหญ่ แล้วทำการขนส่งทางรถบรรทุกหรือเรือเดินทะเล
โดยตู้คอนเทนเนอร์นั้น ถูกสร้างให้มีความแข็งแรงทนทานต่อสภาพลมฟ้าอากาศ สามารถยกขนถ่ายสินค้าโดยใช้ปั้นจั่น และสับเปลี่ยนรูปการขนส่งเป็นรูปแบบอื่นๆ ได้ในระหว่างทาง เช่น จากเรือ ต่อด้วยรถบรรทุก\
ปัจจุบัน การขนส่งด้วยระบบตู้คอนเทนเนอร์ จึงได้รับความนิยมมากโดยเฉพาะการขนส่งจากจีนมาไทย หรือชิปปิ้งจีน อย่างไรก็ตาม แม้ว่าการขนส่งสินค้าด้วยระบบตู้คอนเทนเนอร์ จะมีข้อได้เปรียบมากมายในการกระจายสินค้า แต่ก็มีข้อจำกัดหรือความท้าทายบางอย่างที่ต้องยอมรับ
ข้อดี
- ได้มาตรฐาน สินค้าถูกบรรจุอยู่ในตู้คอนเทนเนอร์ ที่สามารถจัดการขนย้ายได้สะดวกสบาย (ตามมาตรฐาน ISO) ทั้งทางเรือ, รถบรรทุก และเรือบรรทุกสินค้า โดยแต่ละตู้คอนเทนเนอร์จะมีหมายเลขประจำตัวที่ไม่ซ้ำกันและมีการระบุรหัสประเภทขนาด
- ความยืดหยุ่น บรรจุสินค้าที่มีความหลากหลาย เช่น ถ่านหิน, ข้าวสาลี, รถยนต์, อาหารที่จำเป็นต้องแช่เย็น (สามารถเน่าเสียได้) เนื่องจากตู้คอนเทนเนอร์มีหลายประเภทให้เลือกตามความเหมาะสมกับสินค้า ของแห้ง ของเหลว มีตู้สำหรับแช่เย็น ตู้คอนเทนเนอร์เก่านั้น ยังสามารถนำไปรีไซเคิลและกลับมาใช้ใหม่ได้เพื่อวัตถุประสงค์อื่น เช่น ล่าสุดนำไปดัดแปลงเป็นโรงพยาบาลสำหรับรักษาผู้ป่วย Covid-19
- ค่าใช้จ่าย การขนส่งด้วยตู้คอนเทนเนอร์ช่วยประหยัดค่าใช้จ่ายได้ เนื่องจากตู้คอนเทนเนอร์เป็นบรรจุภัณฑ์ที่เรียบง่ายและมีราคาไม่แพง
- ความรวดเร็ว การขนส่งที่มีปริมาณน้อยและต้องการจัดส่งรวดเร็ว สามารถย่นระยะเวลาจากเรือ ซึ่งปกติใช้เวลาราว 3 สัปดาห์ ให้เหลือเพียง 24 ชั่วโมง เมื่อเปลี่ยนขนส่งทางรถบรรทุก (สำหรับชิปปิ้งจีนทางรถ ใช้เวลา 3-5 วัน)
- คลังสินค้า ตู้คอนเทนเนอร์เป็นคลังสินค้าด้วยตัวมันเองและป้องกันสินค้าที่ถูกบรรจุอยู่ภายใน โดยเฉพาะสินค้าอุปโภคบริโภค สามารถจัดเรียงซ้อนกันบนเรือ, รถไฟ และบนพื้นดิน จึงเป็นข้อได้เปรียบสำหรับการจัดเก็บด้วยภาชนะที่เหมาะสมและเพิ่มความหนาแน่นในการจัดเรียงซ้อนกันได้
- การรักษาความปลอดภัย การเปิดตู้สามารถเปิดได้เฉพาะจุดเริ่มต้น (คือผู้ขายหรือผู้ส่ง) ที่ศุลกากรและปลายทางเท่านั้น (ผู้ซื้อ) เพื่อลดความเสียหายและการสูญเสียที่อาจเกิดขึ้นได้
ข้อเสีย
- ข้อจำกัดด้านพื้นที่ ตู้คอนเทนเนอร์เป็นภาชนะที่มีขนาดใหญ่ และใช้พื้นที่ในการจัดเก็บสินค้ามาก ซึ่งหมายความว่าท่าเรือขนส่ง ก็จำเป็นต้องมีอาคารโดยสารที่กว้างขวางเพื่อรองรับการขนถ่ายตู้ได้โดยสะดวก ทำให้ต้องย้ายไปอยู่เขตนอกเมืองแทน และนอกจากความกว้างใหญ่ของพื้นที่สำหรับขนย้ายตู้แล้ว ท่าเรือยังต้องมีความลึกอย่างน้อย 13 เมตรอีกด้วย
- ใช้เงินลงทุนสูง โครงสร้างพื้นฐานสำหรับการจัดการตู้คอนเทนเนอร์ อุปกรณ์สำหรับโหลดและขนถ่ายสินค้านั้น จำเป็นต้องใช้ระบบอัตโนมัติ จึงต้องใช้เงินลงทุนสูง
- ความซับซ้อน ของการจัดเรียงตู้คอนเทนเนอร์ ทั้งบนพื้นดินและบนยานพาหนะ ต้องมีการบรรจุซ้ำๆ อยู่บ่อยครั้ง ทำให้เสียค่าใช้จ่ายเพิ่ม รวมทั้งใช้เวลาในการจัดเรียงและเคลื่อนย้ายสินค้าภายในได้ยาก
- ความไม่สมดุลในการบรรจุสินค้า ด้วยความไม่สมดุลทางการค้า ทำให้ตู้คอนเทนเนอร์ว่างเปล่าจำนวนมากถูกเคลื่อนย้ายราว 20% ของการขนย้ายทั้งหมด ไม่ว่าตู้คอนเทนเนอร์จะเต็มหรือว่างเปล่า ก็ยังใช้พื้นที่เท่ากัน
- เสี่ยงถูกโจรกรรมและสูญหาย สินค้ามูลค่าสูงอาจเสี่ยงต่อการถูกโจรกรรม ในขณะที่ทำการโหลดหรือถ่ายเทสินค้าบนรถบรรทุก นอกจากนี้ แต่ละปีมีข้อมูลการสูญหายของตู้คอนเทนเนอร์ 1,500 ตู้ในทะเล เนื่องจากสภาพอากาศที่เลวร้าย
- เสี่ยงต่อการขนส่งสินค้าผิดกฎหมาย ตู้คอนเทนเนอร์อาจถูกใช้เป็นเครื่องมือในการขนย้ายสินค้าผิดกฎหมาย เช่น ยาเสพติด อาวุธ ฯลฯ ปัจจุบัน ผู้ให้บริการชิปปิ้งจีนจำนวนมาก ต่างมีความกังวลเกี่ยวกับตู้คอนเทนเนอร์ที่ถูกนำไปใช้เพื่อบรรทุกสินค้าสำหรับการก่อการร้าย แต่อย่างไรก็ตาม ยังไม่มีรายงานเหตุการณ์ดังกล่าว
ได้รู้ถึงข้อดีและข้อเสียของตู้คอนเทนเนอร์แล้ว ยังมี ’10 เรื่องน่ารู้เกี่ยวกับตู้คอนเทนเนอร์’ ที่มีส่วนสำคัญสำหรับอุตสาหกรรมการขนส่งระหว่างประเทศ อ่านได้ที่นี่
อ้างอิงข้อมูล : https://transportgeography.org/?page_id=2638